รถยนต์ HEV, BEV มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรบ้าง
วันนี้โตโยต้ากาญจนบุรี จะพาทุกท่านไปชมความแตกต่างของรถระบบ HEV กับ BEV กันค่ะ
วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆมาทำความเข้าใจกับระบบรถยนต์ สองแบบ ที่น่าสนใจ นั้นคือรถยนต์ HEV และ BEV ว่ามีระบบการทำงานอย่างไร มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ถ้าพร้อมแล้วไปทำความรู้จักกันเลยค่ะ

รถ HEV หรือ รถยนต์ไฮบริด คืออะไร ?
รถยนต์ไฮบริด คือรถยนต์ที่มีระบบการขับเคลื่อนผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งทำให้ระบบการขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ปกติ เนื่องจากมีมอเตอร์ไฟฟ้าเสริมกำลังขับเคลื่อน ถูกออกแบบมาเพื่อลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงเพื่อลดการปลดปล่อยคาร์บอนซึ่งก่อให้เกิดมลพิษและภาวะโลกร้อน

ข้อดีของรถ Hybrid
- ประหยัดพลังงานกว่ารถยนต์ทั่วไป
รถไฮบริดช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป และยังช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศในระยะยาว ช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
- หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาด
ในปัจจุบันแบรนด์รถยนต์ตามท้องตลาดได้หันมาผลิตรถไฮบริดมากขึ้น ซึ่งมีให้เลือกทั้งขนาด จุดประสงค์การใช้งาน รวมถึงยี่ห้อที่หลากหลาย
- มีราคาค่อนข้างถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้า
รถ Hybrid มีราคาเริ่มต้นที่ประมาณ 700,000 – 800,000 บาท ในขณะที่รถ PHEV จะมีราคาเริ่มต้นที่ 1 ล้านบาทขึ้นไป จึงเหมาะกับคนที่กำลังมองหารถใหม่ในราคาที่ไม่สูงนัก
ข้อเสียของรถ Hybrid
- บำรุงรักษาได้ยากเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
รถ Hybrid มีค่าใช้จ่ายในส่วนของอะไหล่อย่างแบตเตอรี่และการซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างสูง อีกทั้งศูนย์ซ่อมที่มีความเชี่ยวชาญก็ยังมีจำกัดเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไป
- ไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้
รถ Hybrid ไม่ถือว่าเป็นรถยนต์ไฟฟ้า เนื่องจากไม่สามารถใช้พลังงานจากมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับขี่เพียงลำพังได้ อีกทั้งยังไม่สามารถชาร์จไฟจากภายนอกได้เหมือนกับรถ PHEV
BEV หรือ Battery Electric Vehicle คืออะไร ?

รถยนต์ BEV คือรถยนต์ที่ ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปหรือการเติมเชื้อเพลิงเพื่อไปช่วยในการสร้างไฟฟ้า แบตเตอรี่ที่ทำหน้าที่รับไฟที่จะถูกชาร์จผ่านทางหัวชาร์จ จากนั้นแบตเตอรี่จะทำการส่งไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนรถยนต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะไม่ปล่อยมลพิษ, ประหยัดค่าใช้จ่าย ทั้งค่าน้ำมัน และ ขับขี่นุ่มนวล ด้วยอัตราเร่งที่ดีและมีเสียงเงียบสนิท

ข้อดีของรถยนต์ไฟฟ้า BEV
- เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: ไม่ปล่อยไอเสียและมลพิษทางอากาศ ทำให้เป็นพลังงานสะอาด.
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: ค่าไฟฟ้ามีแนวโน้มถูกกว่าน้ำมัน และมีค่าบำรุงรักษาต่ำกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากไม่มีเครื่องยนต์ที่ซับซ้อน.
- ขับขี่นุ่มนวลและเงียบ: มอเตอร์ไฟฟ้าให้แรงบิดสูงทันที ทำให้รถออกตัวและเร่งแซงได้ดีเยี่ยม และทำงานเงียบกว่าเครื่องยนต์.
ชาร์จที่บ้านได้:สามารถติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จที่บ้านได้ สะดวกในการใช้งานในชีวิตประจำวัน.
ข้อเสียของรถยนต์ไฟฟ้า BEV
- สถานีชาร์จไม่ครอบคลุม: สถานีชาร์จยังไม่แพร่หลายนักในหลายพื้นที่ ทำให้ต้องวางแผนการเดินทางให้ดี.
- ใช้เวลาชาร์จค่อนข้างนาน: การชาร์จเต็มอาจใช้เวลาหลายชั่วโมง ซึ่งนานกว่าการเติมน้ำมัน.
- ราคาสูง:รถยนต์ BEV ยังมีราคาสูงกว่ารถยนต์ทั่วไป เนื่องจากเทคโนโลยีและแบตเตอรี่มีต้นทุนการผลิตที่สูง.
- ระยะทางการวิ่งจำกัด: ระยะทางที่วิ่งได้ขึ้นอยู่กับขนาดของแบตเตอรี่ ซึ่งอาจจำกัดการเดินทางไกล.
- การจัดการแบตเตอรี่: การจัดการและรีไซเคิลแบตเตอรี่ที่หมดอายุการใช้งานยังเป็นประเด็นที่ต้องพัฒนาต่อไป.
เป็นอย่างไรกันบ้างคะ ทั้งรถยนต์ระบบ HEV รถ BEV ต่างเป็นรถยนต์ทางเลือกที่น่าสนใจมากๆเลยใช่ไหมคะ สำหรับท่านไหนที่สนใจรถที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ประหยัดน้ำมัน คุณภาพดี ดีไซน์สวยหรู สามารถเข้ามารับชมและจับจองเป็นเจ้า ได้ที่โตโยต้ากาญจนบุรี ได้เลยค่ะ
ที่มา : www.tqm.co.th
FAQ
Q1: รถยนต์ HEV คืออะไร?
:รถยนต์ HEV คือรถยนต์ที่มีระบบการขับเคลื่อนผสมผสานระหว่างเครื่องยนต์น้ำมันและมอเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งช่วยให้ระบบการขับเคลื่อนมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและมีอัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำกว่ารถยนต์ปกติ
Q2:ข้อดีของรถยนต์ HEV คืออะไรบ้าง?
: 1. ประหยัดพลังงาน: ประหยัดน้ำมันได้มากกว่ารถยนต์ทั่วไป และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมลพิษทางอากาศได้ในระยะยาว 2. หาซื้อได้ง่าย: มีแบรนด์และรุ่นให้เลือกหลากหลายตามท้องตลาด 3. ราคาค่อนข้างถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้า (BEV): มีราคาเริ่มต้นประมาณ 700,000 – 800,000 บาท ซึ่งถูกกว่ารถยนต์ไฟฟ้าประเภทอื่น ๆ
Q3: รถยนต์ BEV คืออะไร?
: รถยนต์ BEV (Battery Electric Vehicle) คือรถยนต์ที่ไม่มีเครื่องยนต์สันดาปหรือการเติมเชื้อเพลิงเพื่อสร้างไฟฟ้า แต่ใช้แบตเตอรี่ที่รับการชาร์จผ่านหัวชาร์จ เพื่อส่งไฟให้กับมอเตอร์ไฟฟ้าในการขับเคลื่อนโดยตรง
Q4: ข้อดีของรถยนต์ BEV คืออะไรบ้าง?
: 1. เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม: เนื่องจากไม่ปล่อยมลพิษ 2. ประหยัดค่าใช้จ่าย: ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเชื้อเพลิง (ค่าน้ำมัน) 3. การขับขี่: ขับขี่นุ่มนวลและมีอัตราเร่งที่ดี
เอกสารใช้จัดสัญญา ทุกรุ่น!!
– สำเนาบัตรประชาชน
– สำเนาทะเบียนบ้าน
– สำเนาสมุดบัญชี หรือเอกสารยืนยันรายได้ ย้อนหลัง 6 เดือนเฉพาะที่โตโยต้ากาญจนบุรี ทั้ง 3 สาขา นะจ๊ะ ?
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร : 081-736-4525 (ต๋อง)
*เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด
คุณสามารถติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับรถได้แบบฟรีๆ ที่
Line@ Click > >
@toyotakan1995
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีดีจากโตโยต้ากาญจนบุรี รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลรถและขับขี่รถอย่างปลอดภัย ได้ที่ โตโยต้ากาญจนบุรี นะคะ