เช็คหัวเทียนรถยนต์
	หัวเทียนรถยนต์ ส่วนประกอบที่สำคัญและเป็นหัวใจสำคัญในการทำงานของเครื่องยนต์ หัวเทียนที่สมบูรณ์จะช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และมีความเสถียรในการทำงาน แต่หากหัวเทียนของคุณเกิดปัญหาก็จะส่งผลเสียต่างๆ รถยนต์ของคุณอาจสตาร์ตไม่ติด รถวิ่งสะดุด หรือกินน้ำมันมากขึ้น วันนี้แอดจะพาทุกท่านไปดูสาระความรู้เกี่ยวกับหัวเทียน และวิธีเช็คว่าเราควรเปลี่ยนหัวเทียนเมื่อไหร่กันค่ะ

หัวเทียนรถยนต์ คืออะไร มีหน้าที่สำคัญอย่างไร
- จุดระเบิดเพื่อสร้างกำลังขับเคลื่อน: เป็นหน้าที่หลักในการสร้างประกายไฟ เพื่อจุดระเบิดส่วนผสมของอากาศและน้ำมันเชื้อเพลิง ภายในห้องเผาไหม้ การระเบิดที่เกิดขึ้นนี้จะสร้างแรงดันมหาศาลเพื่อดันลูกสูบให้เคลื่อนที่ และเกิดเป็นกำลังขับเคลื่อนให้รถยนต์วิ่งได้
 - ควบคุมการเผาไหม้: การทำงานที่สมบูรณ์ของหัวเทียนจะช่วยให้กระบวนการเผาไหม้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มกำลัง ไม่เกิดอาการสะดุด เร่งไม่ขึ้น หรือกินน้ำมันมากผิดปกติ
 - กระจายความร้อน: หัวเทียนช่วยถ่ายเทความร้อนบางส่วนออกจากห้องเผาไหม้สู่ภายนอก เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและปลอดภัยหัวเทียนที่สมบูรณ์จะช่วยให้เครื่องยนต์มีสมรรถนะที่ดี ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง และมีความเสถียรในการทำงาน
 
หน้าที่สำคัญของหัวเทียนรถยนต์
- ช่วยให้ระบบการเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ทำงานได้เหมาะสม
หัวเทียนที่พร้อมใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ จะช่วยสนับสนุนระบบการเผาไหม้ให้สามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์ และลดปัญหาด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงานภายในระบบเผาไหม้ภายในเครื่องยนต์ - ช่วยให้รถของคุณประหยัดเชื้อเพลิงได้ดีขึ้น
หัวเทียนที่พร้อมใช้งานได้อย่างสมบูรณ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านบริการยานยนต์ได้กล่าวไว้ว่า หัวเทียนที่ชำรุด เสื่อมสภาพ ส่งผลทำให้การจุดระเบิดผิดพลาด ทำให้สามารถลดประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงลงได้ 30% ดังนั้นผู้ขับขี่ควรทำการเปลี่ยนตามระยะที่คู่มือรถกำหนดไว้ - การเริ่มต้นสตาร์ทเครื่องยนต์ได้อย่างราบรื่น
ครั้งแรกที่คุณเปิดสวิตช์กุญแจ เพื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ ด้วยหัวเทียนอันใหม่ ที่พร้อมใช้งานได้อย่างสมบูรณ์รถของคุณจะสามารถสตาร์ทติดได้ในครั้งเดียว แต่หากรถของคุณใช้งานหัวเทียนเก่าที่เสื่อมสภาพ รถของคุณอาจมีอาการสตาร์ทเครื่องสะดุดได้ - ลดการปล่อยมลพิษที่เป็นอันตราย
สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมต่างชาติ ได้ระบุไว้ว่าการดูแลรถและตรวจสภาพ เช็คระยะ ให้พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอนั้น สามารถช่วยลดการปล่อยมลพิษที่เป็นอันตรายได้ ดังนั้นการเปลี่ยนหัวเทียนอย่างสม่ำเสมอ ตามคำแนะนำคู่มือรถ ไม่เพียงสามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงได้ ยังช่วยลดมลพิษทางอากาศได้อีกด้วย 
หัวเทียนรถยนต์มีกี่ประเภท ควรเลือกแบบไหน
หัวเทียนรถยนต์สามารถแบ่งประเภทหลักได้ 2 รูปแบบ คือ แบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำแกนกลาง และแบ่งตามความสามารถในการระบายความร้อน (เบอร์ความร้อน)
1.ประเภทหัวเทียนรถยนต์ตามวัสดุ
การแบ่งประเภทตามวัสดุที่ใช้ทำขั้วแกนกลางและเขี้ยวหัวเทียนเป็นเกณฑ์ที่สำคัญที่สุด เนื่องจากส่งผลต่อประสิทธิภาพการจุดระเบิดและความทนทานโดยตรง

- นิกเกิล (Nickel Alloy)
 
คุณสมบัติ : เป็นแบบมาตรฐาน ราคาถูก จุดระเบิดด้วยกำลังไฟต่ำ ทนทานน้อยที่สุด
อายุการใช้งานโดยประมาณ : $20,000 – 40,000$ กม.
เหมาะสำหรับ: รถยนต์รุ่นเก่า หรือรถใช้งานทั่วไปที่ไม่เน้นสมรรถนะสูง
- แพลทินัม (Platinum)
 
คุณสมบัติ : มีความแข็งแรงและทนทานกว่านิกเกิล นำไฟฟ้าได้ดีขึ้น ช่วยให้การเผาไหม้ดีขึ้น
อายุการใช้งานโดยประมาณ : $60,000 – 80,000$ กม.
เหมาะสำหรับ: รถยนต์รุ่นใหม่ที่ต้องการอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
- อิริเดียม (Iridium)
 
คุณสมบัติ : ประสิทธิภาพสูงสุด (แบบเข็ม) ทนทานสูงมาก นำไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม จุดระเบิดแม่นยำมาก
อายุการใช้งานโดยประมาณ : $100,000$ กม. ขึ้นไป
เหมาะสำหรับ: รถยนต์สมรรถนะสูง รถติดเทอร์โบ หรือผู้ที่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดและไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย
2.ประเภทหัวเทียนตามเบอร์ความร้อน
หัวเทียนยังแบ่งได้ตามคุณสมบัติในการระบายความร้อนออกจากห้องเผาไหม้ ซึ่งเรียกว่า “เบอร์ความร้อน”
หัวเทียนร้อน (Hot Spark Plug):
- 
- คุณสมบัติ: ระบายความร้อนได้ช้ากว่า
 - เหมาะสำหรับ: รถที่ใช้งานความเร็วต่ำ, ขับในเมือง, หรือรถที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ทำให้หัวเทียนมีความร้อนสะสมเพียงพอที่จะเผาไหม้เขม่าคราบน้ำมันได้หมดจด (ทำความสะอาดตัวเอง)
 
 - หัวเทียนเย็น (Cold Spark Plug):
- คุณสมบัติ: ระบายความร้อนได้เร็วกว่า
 - เหมาะสำหรับ: รถที่ใช้งานหนัก, ขับด้วยความเร็วสูงต่อเนื่อง, หรือรถที่มีการโมดิฟายเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มกำลัง เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้หัวเทียนมีความร้อนสะสมมากเกินไปจนเกิดการชิงจุดระเบิด (Pre-ignition)
 
 
ควรเลือกหัวเทียนแบบไหน?
- ยึดตามคำแนะนำผู้ผลิต: สิ่งแรกที่ควรทำ คือตรวจสอบคู่มือรถยนต์ของคุณและเลือกใช้หัวเทียนตาม เบอร์ (Spec) ที่โรงงานกำหนดมาให้
 - พิจารณาตามลักษณะการใช้งาน:
 - ใช้งานทั่วไป/เดิมๆ: เลือกใช้หัวเทียนแบบ นิกเกิล (ถ้าเป็นรถเก่า) หรือ แพลทินัม/อิริเดียม (ถ้าเป็นรถใหม่) ตามที่ระบุในคู่มือ เพื่อความคุ้มค่าและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
 - เน้นสมรรถนะ/โมดิฟาย: หากมีการปรับจูนเครื่องยนต์หรือติดตั้งเทอร์โบ ควรพิจารณาใช้หัวเทียนแบบ อิริเดียม และอาจต้องเลือกใช้ หัวเทียนเย็น เพื่อให้ทนทานต่ออุณหภูมิและความเร็วรอบที่สูงขึ้น
 - การเลือกหัวเทียนที่ถูกต้องตามสเปคจะช่วยให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีอายุการใช้งานยาวนานที่สุด
 
วิธีสังเกตจากอาการผิดปกติของเครื่องยนต์
หากรถยนต์ของคุณเริ่มมีอาการเหล่านี้ แสดงว่าหัวเทียนอาจเริ่มเสื่อมสภาพหรือ “บอด” และควรเปลี่ยนทันที:
เครื่องยนต์สั่นผิดปกติ
- รอบเดินเบาไม่นิ่ง (Idle Roughness): ขณะที่รถจอดนิ่งหรือติดไฟแดง เครื่องยนต์จะสั่น หรือรู้สึกเหมือนเครื่องยนต์เดินไม่ครบสูบ
 
สตาร์ทติดยาก/ใช้เวลานาน
- ต้องบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทนานกว่าปกติ หรือสตาร์ทติดยากโดยเฉพาะในช่วงเช้า
 
กำลังเครื่องยนต์ตก (Loss of Power)
- เร่งไม่ขึ้น/อืด: รู้สึกว่ารถไม่มีกำลัง ไม่พุ่ง แม้จะเหยียบคันเร่งลึกแล้ว
 - กระตุก/สะอึก: รถมีอาการกระตุก หรือสะอึกขณะเร่งความเร็ว หรือขณะขับขี่
 
กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น
- เนื่องจากการจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ ทำให้ต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้นในการสร้างกำลังเท่าเดิม
 
มีควันดำออกจากท่อไอเสีย
- เป็นผลจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ มีเชื้อเพลิงที่ยังไม่ถูกเผาไหม้หลุดออกมา
 
การตรวจเช็กสภาพหัวเทียนด้วยตาเปล่า (เมื่อถอดออกมา)

เป็นอย่างไรกันบ้างคะกับความรู้ดีๆเรื่องหัวเทียน หวังว่าทุกท่านจะได้รับประโยชน์จากบทความนี้และสามารถนำความรู้ไปเช็คหัวเทียนรถยนต์ของทุกท่านเพื่อประสิทธิภาพการทำงานที่ดีและการขับขี่ที่ปลอดภัยกันค่ะ
คำถามที่พบบ่อย
1.หัวเทียนมีหน้าที่สำคัญอย่างไร?
หัวเทียนมีบทบาทสำคัญ 2 ประการหลัก คือ:
1)จุดระเบิดและสร้างกำลังขับเคลื่อน: เป็นหน้าที่หลักในการสร้างประกายไฟที่แม่นยำและเหมาะสม เพื่อให้เกิดการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่สมบูรณ์ในห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่องยนต์มีกำลังและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2)กระจายความร้อน: หัวเทียนยังช่วยระบายความร้อนบางส่วนออกจากห้องเผาไหม้ เพื่อช่วยควบคุมอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมและช่วยให้การเผาไหม้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง
2.หัวเทียนมีกี่ประเภทหลัก ๆ?
หัวเทียนถูกแบ่งตามวัสดุที่ใช้ทำแกนกลางและเขี้ยวหัวเทียน ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและอายุการใช้งาน:
- หัวเทียนนิกเกิล (Nickel/Standard): เป็นหัวเทียนพื้นฐาน ราคาไม่สูง มักใช้ในรถรุ่นเก่าหรือรถทั่วไป มีอายุการใช้งานสั้นที่สุด
 - หัวเทียนแพลทินัม (Platinum): มีความทนทานและนำไฟฟ้าได้ดีกว่านิกเกิล มีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น
 - หัวเทียนอิริเดียม (Iridium): เป็นหัวเทียนประสิทธิภาพสูง มีแกนกลางขนาดเล็กเป็นพิเศษ ทำจากโลหะอิริเดียมที่ทนทานและนำไฟฟ้าได้ดีเยี่ยม ทำให้จุดระเบิดได้แม่นยำและมีอายุการใช้งานที่ยาวนานที่สุด (อาจถึง 100,000 กม. ขึ้นไป)
 
3.ควรเปลี่ยนหัวเทียนรถยนต์เมื่อไหร่?
ระยะเวลาในการเปลี่ยนหัวเทียนขึ้นอยู่กับประเภทของหัวเทียนและคำแนะนำจากผู้ผลิตรถยนต์:
- หัวเทียนนิกเกิล/ธรรมดา: มักมีอายุการใช้งานประมาณ 40,000 กิโลเมตร
 
- หัวเทียนแพลทินัม/อิริเดียม: สามารถใช้งานได้ยาวนานกว่า โดยอาจเปลี่ยนที่ระยะ 100,000 กิโลเมตร หรือมากกว่านั้น (สูงสุดถึง 160,000 กม. ในบางรุ่น)
 
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการสังเกต อาการผิดปกติ ของรถยนต์ ซึ่งบ่งชี้ว่าหัวเทียนเริ่มเสื่อมสภาพหรือ “หัวเทียนบอด” และควรเปลี่ยนทันที
- อาการแบบไหนที่บอกว่าถึงเวลาต้องเปลี่ยนหัวเทียนแล้ว?
 
- หากหัวเทียนเสื่อมสภาพ ประสิทธิภาพการจุดระเบิดจะลดลง และจะแสดงอาการดังต่อไปนี้:
 - เครื่องยนต์สั่น/กระตุก: โดยเฉพาะในช่วงรอบเดินเบา หรือเมื่อเร่งความเร็ว
 - รถสตาร์ทติดยาก: ต้องบิดกุญแจหรือกดปุ่มสตาร์ทนานกว่าปกติ
 - กำลังเครื่องยนต์ลดลง: รถเร่งไม่ค่อยขึ้น อืด หรือตอบสนองช้าลงอย่างเห็นได้ชัด
 - กินน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น: เนื่องจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ทำให้เครื่องยนต์ต้องใช้เชื้อเพลิงมากขึ้น
 - มีควันดำออกจากท่อไอเสีย: บ่งชี้ว่ามีการเผาไหม้เชื้อเพลิงที่ไม่สมบูรณ์
 
หากพบอาการเหล่านี้ ควรรีบนำรถเข้าตรวจเช็กเพื่อเปลี่ยนหัวเทียนทันทีค่ะ
เอกสารใช้จัดสัญญา ทุกรุ่น!!
– สำเนาบัตรประชาชน
– สำเนาทะเบียนบ้าน
– สำเนาสมุดบัญชี หรือเอกสารยืนยันรายได้ ย้อนหลัง 6 เดือน เฉพาะที่โตโยต้ากาญจนบุรี ทั้ง 3 สาขา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร : 081-736-4525 (ต๋อง)
คุณสามารถติดตามข่าวสารดีๆเกี่ยวกับรถได้แบบฟรีๆ ที่
Line@ Click > > 
 @toyotakan1995 
เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสาร โปรโมชั่นดีดีจากโตโยต้ากาญจนบุรี รวมถึงสาระดี ๆ เกี่ยวกับการดูแลรถและขับขี่รถอย่างปลอดภัย ได้ที่ โตโยต้ากาญจนบุรี นะคะ